25/12/2560

เพิ่ม Captive Portal Certificate บน Aruba


The URL used by the captive portal (as seen in the browser of end users) is determined by the common name (CN) in the digital certificate. The CN of the default certificate that comes with every Aruba controller is "securelogin.arubanetworks.com". When you upload a different certificate with a different CN onto the Aruba controller, the URL is changed and refers the new CN.


Using the WebUI to upload a certificate
1) Navigate to Configuration > Management > Certificates

2) Select your certificate as a server certificate

3) Select Certificate type > Server Cert.

4) Click Upload.


Using the WebUI to select a certificate for captive portal

1) Navigate to Configuration > Management > General.

2) Under Captive Portal Certificate, select the name of the imported certificate from the drop-down list.

3) Click Apply.


Ref : community.arubanetworks.com

29/11/2560

ทดสอบใช้งาน Micro SD: Kingston & Sandisk

พอดีมีเหตุให้ต้องใช้ Micro SD Card 2 ตัว เลยซื้อแยกกันมา คนละ ยี่ห้อเพื่อจะได้ทดสอบให้ดูครับ
(เพราะเคยได้รับคำถามว่าจะซื้อตัวไหนดี)

ซื้อเลยครับ


07/11/2560

ปัญหา Sensor นิ้วอ่านค่าได้ไม่ตรงจุด : EPSON BrightLink - How do I calibrate the touch location for the pens?


Calibrate the touch location for the pens
จากการใช้งานพบปัญหา Sensor นิ้วอ่านค่าได้ไม่ตรงจุด
สามารถสั่งให้ อุปกรณ์ทำการ Auto Calibrate ใหม่ อีกครั้งจะสามารถใช้งานได้ตามปกติครับ
กดปุ่ม Menu ที่ Remote
เลือก Extended
เลือก Auto Calibration

รอสักครู่ การอ่านค่าจะสามารถใช้งานได้ตามปกติครับ

ศึกษาเพิ่มเติมที่
https://www.youtube.com/watch?v=WCE9AiyZM24



25/10/2560

วิธีแก้ไข Exchange 2010 แจ้งเตือน Security Alert:The name on the security certificate is invalid or does not match the name of the site.



Exchange 2010 แจ้งเตือน Security Alert The name on the security certificate is invalid or does not match the name of the site เมื่อเข้าใช้งาน Outlook ภายในบริษัท หากใช้งานภายนอกบริษัทใช้งานได้ปกติ

Run คำสั่งใน Exchange Manage Shell

Set-ClientAccessServer -Identity "<<Name ClientAccess>>" –AutodiscoverServiceInternalURI https://<<URL Server>>/autodiscover/autodiscover.xml

Set-WebServicesVirtualDirectory -Identity "<<Name ClientAccess>>\EWS (Default Web Site)" –InternalUrl https://<<URL Server>>/EWS/Exchange.asmx

Set-OABVirtualDirectory -Identity "<<Name ClientAccess>>\oab (Default Web Site)" -InternalUrl https://<<URL Server>>/oab

16/10/2560

เคลม Micro SD Card Kingston แบบไม่มีกล่อง ไม่มีเอกสารใด ๆ เลย ได้หรือไม่ : บอกเลยว่าได้ครับ ( เคลมที่ Synnex )

เนื่องจากได้ ซื้อ Micro SD Card ให้ญาติใช้งานเมื่อนานมาแล้ว
เป็น Micro SD Card 16 GB  และเมื่อใช้งานผ่านไปหลายปี
พบว่า Micro SD Card ดังกล่าวเสีย ไม่สามารถอ่านไฟล์ได้
จึงนำส่งเคลมที่ Synnex Fortune Town
โดยไม่มีเอกสาร กล่อง หรือ อะไรใด ๆ  (มีแต่ตัว Micro SD Card เท่านั้น)

พบว่าเจ้าหน้าทีรับเคลมอย่างปกติ
เพียงแต่ว่า จะตัดกล่องและ อุปกรณ์อื่น เก็บไว้ เราจะได้เพียง ตัว Micro SD Card กลับมาเท่านั้น

ตรวจสอบการทำงานพบว่าสามารถใช้งานได้ปกติครับ
อย่าลืมตรวจสอบ ของที่ซื้อว่าเป็นของแท้ ก่อนส่งเคลมกับ Synnex ด้วยนะครับ

19/09/2560

Exchange 2010, This resource doesn’t accept meetings longer than 1440 minutes. ไม่สามารถจองห้องประชุมข้ามวันได้

ได้รับแจ้งจาก User ว่าไม่สามารถจองห้องประชุม แบบต่อเนื่อง (ข้ามวันได้) โดยจะได้รับการปฏิเสธจากระบบมาพร้อมด้วยข้อความ

This resource doesn’t accept meetings longer than 1440 minutes.

จากการตรวจสอบพบว่า ระบบจะตั้งค่าไว้ว่าให้รับจากจองห้องประชุมต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง (1,440 นาที) หากต้องการให้สามารถจองได้นานกว่านั้นน จะต้องทำการตั้งค่าเพิ่มเติมตามนี้


Exchange2010 Powershell Exchange
Set-CalendarProcessing -Identity <MailboxIdParameter> -MaximumDurationInMinutes 2080

0 = unlimited

ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.compit.se/?p=227
http://technet.microsoft.com/en-us/library/dd335046.aspx

12/09/2560

วิธีแก้ไข : ผู้ดูแล ห้องประชุม บน Exchange ไม่เห็นชื่อการประชุม แต่เห็นชื่อผู้นัดหมายแทน

จากการใช้งาน Exchange และมีการใช้ความสามารถจัดการประชุม และมีผู้ดูแลห้องประชุม
โดยได้แชร์ให้ผู้ดูแลสามารถเห็นการใช้งานห้องประชุมทั้งหมดได้แล้ว

ได้รับแจ้งว่า ไม่เห็นว่า การประชุมในห้องนั้น ๆ ประชุมเรื่องอะไร เนื่องจาก จะเห็นเป็นการประชุมโดยใคร แทน

ตรวจสอบเบื้องต้น ความสามารถนี้ ถูกเปิดใช้งาน เป็นค่าเริ่มต้น คือ
-DeleteSubject
-AddOrganizerToSubject
ซึ่งจะทำการ ลบ Subject ออก และใส่ ชื่อผู้จัดเขาไปแทน 
ทำให้ผู้ดูแลห้องประชุม จะพบปํญหาดังกล่าว
 
สามารถแก้ไขได้โดย
 
For Exchange Server 2016, Exchange Server 2013 or Exchange Server 2010
Set-CalendarProcessing -Identity <RESOURCEMAILBOX> -DeleteSubject $False -AddOrganizerToSubject $False 
 
For Exchange Server 2007
Set-MailboxCalendarSettings -Identity <RESOURCEMAILBOX> -AutomateProcessing AutoAccept -AddOrganizerToSubject $False -DeleteSubject $False 


ข้อมูลเพิ่มเติม
https://support.microsoft.com/en-us/help/2842288/resource-mailbox-s-calendar-shows-the-organizer-s-name-instead-of-the

23/08/2560

User and Permission in Alfresco

User and Permission in Alfresco

Permission ของ User
  • Consumer 
    • สามารถอ่าน Folder และ Content ได้อย่างเดียว ไม่มีสิทธิในการเพิ่มหรือแก้ไข

  • Contributor 
    • สามารถอ่าน และ เพิ่ม Folder และ Content ได้ แต่ไม่มีสิทธิในการ แก้ไข้ หรือ ลบ เอกสารได้ แต่จะทำได้เฉพาะ Item ที่ตัวเองสร้างขึ้นเท่านั้น


  • Collaborator
    • สามารถอ่าน , เพิ่ม และ แก้ไข Folder และ Content แต่ไม่มีสิทธิในการ ลบ เอกสาร แต่จะทำได้เฉพาะ Item ที่ตัวเองสร้างขึ้นเท่านั้น


  • Manager
    • มีสิทธิเต็มรูปแบบกับเนื้อหาทั้งหมดภายใน Site สามารถจัดการทุกอย่างทั้งที่ตัวเองสร้างขึ้นและผู้อื่นสร้างขึ้น

ส่วนสิทธิในการตั้งค่าต่างๆภายใน Site รวมถึงการ Add User นั้นเป็นสิทธิของ Site Manager เท่านั้น

การสร้าง Site และการตั้งค่าภายในต่างๆของ Alfresco

การสร้าง Site และการตั้งค่าภายในต่างๆของ Alfresco


1.ในหน้าแรกของ Alfresco เลือกเมนู Sites และเลือก Create Site


2.จะขึ้นหน้าจอให้ตั้งค่าต่างๆภายใน Site


  • Type = เลือก Type ของ Site ที่ต้องการจะสร้าง
  • Name = ตั้งชื่อ Site
  • Site ID = ตั้ง Site Address โดยใช้ได้แค่ตัวเลขหรือตัวอักษรภาษาอังกฤษเท่านั้น
  • Description = เขียน(หรือไม่ก็ได้)รายละเอียดของ Site ที่เราสร้าง
  • Visibility = กำหนดประเภทของ Site
    • Public
      • User ทุกคนสามารถเป็นสมาชิกของ Site ได้โดยไม่ต้องได้รับการ Approve จาก Site Manager โดยจะได้รับสิทธิ Consumer ทำให้ไม่สามารถ Edit or Update ข้อมูลเอกสารใน Site ได้
      • สมาชิกที่มีสิทธิในการ Add or Edit เอกสาร จะต้องให้ Site Manager ทำการเพิ่มสิทธิให้
    • Moderated
      • User ทุกคนสามารถค้นหา Site พบ แต่การเป็นสมาชิกต้องได้รับการ Approve จาก Site Manager
      • User ทุกคนสามารถดูข้อมูลใน Site ได้ แต่เฉพาะ Site Member เท่านั้นที่สามารถจัดการแก้ไขเอกสารและเนื้อหาใน Site ได้
    • Private
      • User ที่ไม่ได้เป็น Site Member จะไม่สามารถค้นหาหรือเข้าดู Site ได้
      • Site Member เท่านั้นที่จะสามารถดูแลจัดการแก้ไข้ข้อมูลรวมถึงเพิ่มเนื้อหาภายใน Site ได้
      • การจะเข้ามาเป็น Site Member ได้นั้นจะต้องได้รับการ Invitation จาก Site Manager เท่านั้น

ภาพแรกทำการตั้ง Site เป็น Private


ภาพที่สองทำการใช้ User ที่ไม่ได้เป็น Member มาลอง Search หา Site ข้างต้น
จะเห็นว่า User ที่ไม่ได้เป็น Member จะไม่สามารถค้นหา Site ที่เป็น Private พบ



3.หลังจากกำหนดรายละเอียดต่างๆเสร็จกด Create ก็จะเข้าสู่หน้า Site ที่เราสร้าง

  • 1.Add Users = สามารถเพิ่ม Site Member ได้จากตรงนี้
  • 2.Document Library = สามารถเพิ่มไฟล์เอกสารต่างๆได้จากตรงนี้
    • หลังจากเลือก Document Library จะเข้าสู่หน้าจอนี้ ซึ่งในหน้าจอนี้สามารถจัดการเพิ่มหรือแก้ไข้เอกสารภายใน Site ได้

    จากภาพบนจะทำการอัพไฟล์เดียวกันกับที่มีอยู่ใน Site อยู่แล้ว


    จะเห็นว่าเมื่ออัพไฟล์ที่มีชื่อเดียวกันกับที่มีอยู่ใน Site อยู่แล้ว
    Alfresco จะทำการใส่ Version ลงไปในไฟล์โดยอัตโนมัติ


    • 3.สามารถตั้งค่าต่างๆภายใน Site ได้จากปุ่มนี้

      • Customize Dashboard = โดยในหน้านี้จะสามารถเข้ามาปรับ Layout ของ Site และตัว Dashlets หรือกล่องเมนูต่างๆโดยจะสามารถเพิ่มหรือลบ Dashlets ตัวไหนก็ได้
      • Edit Site Details = หลังจากเลือกจะสามารถเข้ามาแก้ไข Name , Description และ Visibility ของ Site ได้
      • Customize Site = สามารถเข้ามาปรับ Theme และปรับเพิ่ม Pages ต่างๆได้ในหน้านี้

      • Delete Site = ปุ่มนี้จะมีขึ้นให้เฉพาะ Site Manager เท่านั้น หลังจากกดก็จะทำการลบ Site ออกไป
      • Leave Site = หลังจากกดปุ่มนี้เราก็จะออกจากการเป็น Site Member โดย Site Manager ไม่สามารถ Leave Site ได้ นอกจากจะเพิ่มสิทธิให้ Site Member คนอื่นเป็น Site Manager ก่อนอย่างน้อย 1 คน


    27/07/2560

    [ปัญหาอีเมล์ Blacklist] Spamhaus คืออะไร ?

    What is 'Spamhaus'?

    Spamhaus เป็นโครงการ Spamhaus เป็นองค์กรระหว่างประเทศองค์กรหนึ่งที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยเริ่มต้นจากนักวิจัยที่ทุ่มเทและเสียสละเพียง 38 คน อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชและวิศวกรเครือข่ายกว่า 10 ประเทศที่ให้ความร่วมมือด้วย

    Spamhaus มีหน้าที่ติดตาม ตรวจจับสแปม แหล่งที่มาอย่างใกล้ชิด และคอย Update ฐานข้อมูลสแปมให้ Real time อยู่เสมอ และคอยป้องกันสแปมที่อาจจะมองว่าน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจะเกิดจากหน่วยงาน องค์กรของรัฐบาลที่ล็อบบี้ผู้ใช้งาน


    Spamhaus แยกฐานข้อมูล Blacklist ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

    1. The Spamhaus Block List (SBL) 

    SBL ทำหน้าที่ตรวจสอบ IP Address ที่ทำการส่งข้อความอีเมล์ออก ถ้าพบว่ามีการส่งอีเมล์ขยะ หรือสแปม ก็จะถูก Spamhaus ปิดกั้นการเชื่อมต่อเข้า Mail Server ปลายทางทันที (อ่านข้อมูลทั้งหมด: https://www.spamhaus.org/sbl )

    2. The Spamhaus Exploits Block List (XBL)

    XBL เป็น Realtime Database ของ IP Address ที่โดนแฮคและไปทำสิ่งผิดกฎหมายโดยบุคคลที่สาม ฐานข้อมูลนี้ตรวจจับถึง Proxy ด้วย (HTTP, socks, AnalogX, wingate, etc), worms/viruses และประเภทไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดอื่น ๆ ของโทรจัน (Trojan-horse) (อ่านข้อมูลทั้งหมด: https://www.spamhaus.org/xbl )

    3. The Policy Block List (PBL)

    PBL เป็น Database ของ end-user IP address ที่ทาง Spamhuas คิดว่าไม่ควรส่งออกอีเมล์โดยไม่ Authentication ไปยังอินเตอร์เน็ตใด ๆ ยกเว้นเป็นข้อมูลที่อยู่ในกลุ่มฐานข้อมูลของ ISP (อ่านข้อมูลทั้งหมด: https://www.spamhaus.org/pbl/ )

    4. The Domain Block List (DBL)

    DBL เป็น Real-time database ที่เก็บรายชื่อของโดเมนที่มีการส่ง Spam ไม่ใช่หมายเลข IP  โดยส่วนมากจะพบในเว็บไซต์จำพวก Open Source เช่น Wordpress, Joomla ซึ่งอาจจะติดไวรัส และมีการส่ง Spam ออกไปจำนวนมาก (การแก้ปัญหาเว็บ Open Source  ติดไวรัส)

    การติด Blacklist ประเภท DBL ของ Spamhaus พบได้เยอะมากในไทย, เนื่องจากเว็บไซต์ในประเทศไทยส่วนมากทำจาก Open Source, หาก Web Hosting ไม่มีการบริหารจัดการที่ดี หรือ ปิด Services Email บน Web Hosting (เนื่องจาก Web Hosting ไม่ต้องส่ง Email)
    หรือผู้พัฒนาเว็บมิได้มีการ Download Plugin หรือ CHMOD Folder ที่ไม่เหมาะสมและมีช่องโหว่ ปัญหาดังกล่าวก็จะกลับมาเป็นซ้ำซาก หากมิได้ไปแก้จากต้นเหตุ


    การลบ Blacklist Spamhaus

    • ให้เข้าไปยัง https://www.spamhaus.org/lookup/
      (ใส่หมายเลข IP หรือ Domain และดำเนินการตามขั้นตอนที่ระบุไว้)

    ติดต่อ Spamhaus

    Email: admin-sec-ch@spamhaus.org
    (ภาษาอังกฤษเท่านั้น ไม่สามารถร้องขอให้ลบ Blacklist ผ่านทาง Email)
    Website: https://www.spamhaus.org

    ที่มา
    http://emailserverhosting.maildee.com/2015/11/spamhaus.html

    เพิ่มเติม 20/06/2561
    เว็บไซต์ตรวจสอบการติด Blacklist SPAM อื่น ๆ  (ที่ระบบเคยติดแล้วผมได้ไปขอปลด)

    https://mxtoolbox.com/blacklists.aspx
    https://www.ers.trendmicro.com/
    https://fortiguard.com/learnmore#as
    http://www.spamrats.com

    https://www.blacklistmaster.com/
    https://whatismyipaddress.com/blacklist-check
    https://www.dnsbl.info/dnsbl-database-check.php
    https://www.unlocktheinbox.com/blacklist.aspx?st=BL
    http://www.blacklistalert.org/

    24/07/2560

    การตั้งค่าการใช้งาน Elastix กับ AIS SIP Trunk

    หลังจากได้เปิดใช้งาน AIS Fixed Line IP (AIS SIP Trunk แบบ Corporate)

    ก็จะได้เอกสารมาหนึ่งแผ่น ซึ่งจะแจ้งข้อมูลดังนี้

    1. หมายเลขโทรศัพท์ ที่ใช้เป็นเลขหมายสำหรับโทรเข้าออก
    2. หมายเลขโทรศัพท์ ที่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด (เป็นชุดเลขหมาย)
      เบื้องต้นที่ขอติดตั้ง 15 เลขหมาย 30 Concurrent
    3. จำนวน Call Pre Sec: 1
    4. Concurrent: 30
    5. Voice Codec: G711 & G729
    6. Fax Protocol: T38
    7. Authentication: IP Address Peering (ไม่ต้องทำการ Register โดยจะทำการเชื่อมต่อกันผ่าน IP Address ซึ่งหากเป็น IP ที่กำหนด จะสามารถใช้งานได้)
      โดยการติดตั้ง จะให้อุปกรณ์ Router Gateway พร้อม กำหนด IP Address ไว้แล้ว
    8. กดหนด IP SIP Server ของลูกค้า
    9. กำหนด IP Gateway ที่จะวิ่งไปหา SIP Server ของ AIS
    10. กำหนด IP SBC Server (SIP Server ของ AIS)
    11. แจ้งไว้ด้วยว่าในการใช้งาน ให้ตัด 0 ด้านหน้าออก เช่น 023456789 ก็ใช้เพียง 23456789 แทน User หรือเลขหมายที่ใช้งาน
    เริ่มต้น ตั้งค่า

    20/07/2560

    ติดตั้ง Elastix แล้วไม่สามารถใช้คำสั่ง yum ได้

    เมื่อติดตั้ง Elastix แล้วไม่สามารถใช้คำสั่ง yum ได้ 

    กรณีพบปัญหา
    [root@sip ~]# yum update
    Loaded plugins: fastestmirror
    Loading mirror speeds from cached hostfile
    YumRepo Error: All mirror URLs are not using ftp, http[s] or file.
     Eg. Invalid release/
    removing mirrorlist with no valid mirrors: /var/cache/yum/addons/mirrorlist.txt
    Error: Cannot find a valid baseurl for repo: addons


    ให้ทำการแก้ไขไฟล์

    /etc/yum.repos.d/CentOS-Base.repo

    ให้มีค่าตามนี้

    how to add static route (Elastix) : วิธีเพิ่ม Staic Route ให้ Elastix

    กรณีElastix มี หลาย Network Card
    แล้วต้องการเพิ่ม Route เข้าไปในระบบ สามารถเพิ่ม Static Route ได้ตามนี้

    # route add -host <Destination IP>  gw <Gateway IP> eth1


    17/07/2560

    Elastix cannot create some extension : Elastix ไม่สามารถสร้าง บาง เลขหมาย ได้

    ให้ตรวจสอบ เพราะอาจจะไปซ้ำกับเลขหมายใน Feature Code
    --------------------------------------------------------------------------
    Please Check in Feature Code Number


    16/07/2560

    phpbb3 change password ldap admin

    In-case

    phpbb3 user ldap mode

    when you change password of administrator system cannot connect to LDAP server.

    First you clear cache Folder in phpbb3.
    path of cache /phpbb3/cache
    please delete app file.
    after delete please test login again



    -------------------------------------------------------------
    ภาษาไทย

    กรณีที่ท่านใช้งาน phpbb3 แล้วเปิด Authen mode เป็น LDAP
    โดยจะต้อง กำหนด user และ password เพื่อเชื่อมต่อ
    หากเปลี่ยน password จะต้องทำการ reset ข้อมูลใน cache ก่อน โดย path ที่ต้องเข้าไปลบข้อมูลคือ
    /phpbb3/cache
    เมื่อลบข้อมูลใน Folder ดังกล่าวแล้ว จะสามารถใช้งานได้ตามปกติ


    ------------------------------------------------------------------------------------

    ref
    ข้อมูลที่ควรทราาบ

    Path เก็บ cache : /phpbb3/cache
    DB of
    ldap config : phpbb_config : (search for ldap)
    authen mode : auth_method : disable (for internal), ldap (for ldap)


    06/07/2560

    การทดสอบการรับ – ส่งเมล์ภายใน Zimbra Mail Server (Domain name เดียวกัน)

    1. Login เข้าบัญชี admin (admin@donkha.com)

    2. เลือก "ข้อความใหม่"
    3. เลือกผู้รับเมล์เป็น test1@donkha.com พิมพ์ข้อความที่จะส่ง แล้วคลิกส่ง

    4. ตรวจสอบว่าเมล์ถูกส่งไปแล้ว

    5. Login เข้าบัญชี test1 (test1@donkha.com)

    6. ข้อความถูกส่งมาจาก admin@donkha.com

    7. เมื่อคลิกเข้าไปในเมล์ที่ได้รับจะแสดงผล ดังนี้

    การเพิ่มบัญชีผู้ใช้ภายใน Zimbra Mail Server

    1. Login เข้า Zimbra Admin Console
    2. เลือกแท็บ จัดการ
    3. คลิกปุ่ม 🔽 แล้วเลือก "ใหม่"

    4. กรอกรายละเอียดของบัญชีที่จะสร้าง
    5. กรอกรหัสผ่าน และตังค่า Time Zone แล้วคลิก เสร็จสิ้น
    6. จะแสดงผล ดังนี้
    7. ทดสอบโดยการ Login เข้าบัญชี test2 (test2@donkha.com)
     
    8. จะแสดงหน้าต่าง ดังนี้

    การติดตั้ง SecureCRT และ Zimbra Collaboration 8.6 ลงใน CentOS 7

    ก่อนการติดตั้ง Zimbra Collaboration 8.6 ลงใน  CentOS 7 จะต้องดาวน์โหลดโปรแกรม SecureCRT เพื่อดึงไฟล์ในการติดตั้ง Zimbra จากเครื่องหลักมาใส่ในเครื่อง CentOS 7 ซึ่งเป็นเครื่องเสมือน

    การติดตั้ง SecureCRT
    โปรแกรม SecureCRT เป็นโปรแกรมป้องกันข้อมูลต่างๆ เช่น ป้องกันรหัสผ่าน (Password), ชื่อผู้ใช้ (User Account) และข้อมูลที่สำคัญต่างๆ โดยรวมเอาการจำลองเครื่อง Terminal ที่มีการเข้ารหัสข้อมูลในการรับส่ง-ข้อมูลระหว่างเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทาง, การใช้โพรโตคอล Secure Shell (SSH) ไว้ด้วยกัน

    หมายเหตุ: แก้ไข IP Address จาก 10.1.40.27 ให้เป็น 10.1.40.30 ทั้งหมด

    2. Login เข้า CentOS7 สร้าง directory โดยคำสั่ง mkdir และ cd เพื่อเข้าไปยัง directory นั้น แล้วใช้คำสั่ง pwd แสดงที่ตั้งของ directory ปัจจุบัน
    3. คลิก Next

    4. เลือก I accept the terms in the license agreement แล้วคลิก Next

    5. เลือก Common profile (affects all users) แล้วคลิก Next

    6. เลือก Complete แล้วคลิก Next

    7.คลิก Next

    8. คลิก Install

    9. รอการติดตั้ง

    10. คลิก Finish

     11. เลือก path แล้วคลิก OK

    12. คลิก I Agree

    13. เลือก With a configuration passphrase และพิมพ์รหัสผ่าน แล้วคลิก OK

    14. เลือก File -> Quick Connect...
    15. พิมพ์รายละเอียด แล้วคลิก Connect ดังนี้

    16. คลิก Accept & Save

    17. กรอก Username และ Password แล้วคลิก OK

    18. คลิกขวาที่แท็บ root@donkha ~ แล้วเลือก Connect SFTP Session

    19. จะแสดงผล ดังนี้

    20. พิมพ์คำสั่ง ดังนี้
    sftp> ls                     //แสดงรายชื่อไฟล์และไดเร็กทอรี
    sftp> cd download            //เปลี่ยนไดเร็กทอรี
    sftp> ls
    sftp> put E:\ZimbraMailServer\ZimbraMailServer.zip 
    //นำไฟล์จากเครื่องหลักมาใส่ในเครื่องCentOS7
    sftp> pwd                    //แสดงไดเร็กทอรีปัจจุบัน


    การติดตั้ง Zimbra ลงใน CentOS 7

    Zimbra Mail Server เรียกเต็มๆว่า Zimbra Collaboration Suite (ZCS) ซึ่งเป็นระบบ E-mail server พร้อมกับระบบ GroupWare ซื่งพัฒนาโดย Zimbra , โดย Zimbra Mail Sever เป็น Mail Server Software บน Linux  เป็นตัว Enterprise ที่เหมาะสมกับการทำงานทั้งในองค์กรและ Hosting Provider โดยที่ไม่ต้องพึ่ง License ของ Windows แต่ยังสามารถการทำงานรวมกับ Client ที่เป็น Windows ได้ มีหน้าที่การรักษาความปลอดภัยแบบดีเยี่ยม Mail Server ที่มีความสามารถสูงสามารถป้องกันการโจมตีต่างๆ จาก Network-based Firewall,  Host-based และ Protocol-based Firewall หรือ Anti Spam Gateway ทั้งในฝั่งอีเมล์เข้าและอีเมล์ออก 

    21. ดาวน์โหลด zip และ unzip โดยการพิมพ์คำสั่ง
    # yum install zip unzip -y 

    22. Unzip ไฟล์ โดยพิมพ์คำสั่ง ดังนี้
    # cd download
    # unzip ZimbraMailServer.zip

    23. รอการ unzip ไฟล์

    24. พิมพ์คำสั่ง ดังนี้
    # ls                                  //เพื่อแสดงไฟล์ที่ unzip
    # ./install.sh --platform-override    //เพื่อติดตั้ง Zimbra

    25. ไม่สามารถ install ไฟล์ได้ เนื่องจากไม่มีสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ แก้ไขโดยการพิมพ์คำสั่ง
    # chmod +x install.sh    //เพื่อให้สามารถติดตังไฟล์ install.sh ได้
    # ls -l                  //เพื่อแสดงรายละเอียดต่างๆของไฟล์

    26. พิมพ์คำสั่ง
    # ./install.sh --platform-override    //เพื่อติดตั้ง Zimbra

    27. Change hostname [Yes] n (พิมพ์ n หรือ no)
    Change domain name [Yes] n (พิมพ์ n หรือ no)


    28. Address unconfigured (**) items (? - help) 7 (พิมพ์ 7) แล้วกดปุ่ม Enter

    29. Select, or 'r' for previous menu [r] 4 (พิมพ์ 4) แล้วกดปุ่ม Enter
    Password for admin@donkha.com (min 6 characters): พิมพ์รหัสผ่าน


    30. Select, or 'r' for previous menu [r] r (พิมพ์ r) แล้วกดปุ่ม Enter

    31. พิมพ์รายละเอียดดังนี้
    Select from menu, or press 'a' to apply config (? -help) a (พิมพ์ a)
    Save configuration data to a file? [Yes] y (พิมพ์ y หรือ yes)
    Save config in file: [/opt/zimbra/config.12256] กดปุ่ม Enter
    The system will be modified - continue? [No](พิมพ์ y หรือ yes)

    32. รอการติดตั้ง


    33. Notify Zimbra of your installation? [Yes] n (พิมพ์ n หรือ no)

    34. Configuration complete - press return to exit (กดปุ่ม return)

    35. พิมพ์คำสั่ง ดังนี้ 
    # cd                 //หากยังไม่ได้อยู่ใน root ให้เปลี่ยน directory ก่อน
    # su zimbra
    # zmcontrol start

    36. Login Zimbra


    37. เมื่อ Login เข้าไปจะแสดงหน้าต่างดังนี้

    38.Login เข้า Zimbra Admin Console

    39. เมื่อ Login เข้าไปจะแสดงหน้าต่างดังนี้