แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Server แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Server แสดงบทความทั้งหมด

20/02/2567

พบ Exchange Server กว่า 28,500 ตัวเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

 



        เซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange มีช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2024-21410 ที่มีความเสี่ยงรุนแรง ที่จะถูกโจมตีด้วยวิธีการเพิ่มสิทธิเสริมเข้าถึงที่ถูกใช้โจมตีอย่างสร้างสถานการณ์ zero-day โดยการโจมตีเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ Microsoft ยังไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับช่องโหว่นี้ ทำให้มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ Exchange ประมาณ 97,000 เครื่องที่อาจมีความเสี่ยง
Microsoft ได้ประกาศแก้ไขปัญหาปิดกั้นการโจมตี zero-day เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยหลังจากแก้ไขมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่ยังมีช่องโหว่เหลือเพียง 28,500 เครื่อง จากเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด
        Exchange  Server  มีการใช้งานในการติดต่อสื่อสารในองค์กรธุรกิจและระหว่างองค์กรโดยบริการอีเมล  ปฏิทิน  รายชื่อติดต่อ และจัดการงานต่าง  ๆ

        ช่องโหว่ความปลอดภัยถูกโจมตีด้วยวิธีการ NTLM (NT LAN Manager) การทำ NTLM Relay ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีที่โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ SYSTEM ของเครื่องในระบบทำการโจมตีผ่านทาง NTLM Session เพื่อสร้าง LDAP Operation เช่นการแก้ไขข้อมูล Domain Object ได้

        ล่าสุดใน Shadowserver announced ทำการสแกนเซิร์ฟเวอร์พบว่าอาจมีเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเสี่ยงประมาณ 97,000 เครื่อง


        จากทั้งหมด 97,000 เครื่องพบมีช่องโหว่โดยประมาณ 68,500 เครื่อง มีการป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่ และอีก 28,500 เครื่องที่ยังไม่มีการป้องกันที่อาจเสี่ยงถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ CVE-2024-21410

    ข้อมูลจำนวนเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละประเทศที่มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ได้แก่ เยอรมนี  (22,903 ราย)   สหรัฐอเมริกา  (19,434 ราย)  สหราชอาณาจักร  (3,665 ราย)  ฝรั่งเศส  (3,074 ราย)  ออสเตรีย  (2,987 ราย)  รัสเซีย  (2,771 ราย)  แคนาดา  (2,554 ราย)  และสวิตเซอร์แลนด์  (2,119 ราย)

        ในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล Proof-of-Concept (PoC) วิธีการโจมตีของช่องโหว่ CVE-2024-21410 จึงอาจจำกัดการโจมตีช่องโหว่ได้ในบางส่วน

        โดย Microsoft ได้ออกมาแนะนำให้ทำการอัปเดต Exchange Server 2019 Cumulative Update 14 (CU14) ที่ออกมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่ CVE-2024-21410 ด้วยแพทช์ประจำเดือน February 2024 Patch Tuesday

      หน่วยงานด้านความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งสหรัฐ  (CISA)  ได้เพิ่ม CVE-2024-21410  เข้าไปที่ Known  Exploited  Vulnerabilities  ของประเทศโดยประกาศให้หน่วยงานภาครัฐภายในประเทศ ทำการอัปเดตแก้ไขช่องโหว่นี้  และถ้าหากยังใช้งานที่ขาดการอัปเดตช่องโหว่เสี่ยงถูกโจมตีที่ทำความเสียหายให้กับองค์กรข้อมูล  ต่าง ๆ ในเซิร์ฟเวอร์


Ref : bleepingcomputer


10/01/2560

การติดตั้ง FTP Server และการเข้าใช้งาน บน Centos 7

การติดตั้ง FTP Server
ให้เริ่มทำการดาวโหลดโปรแกรม vsftpd
#  yum install vsftpd ftp
เมื่อทำการติดตั้งเสร็จ ให้ทำการเริ่มการทำงานของ vsftpd
#  systemctl start vsftpd
เมื่อติดตั้งและได้ทำการเปิดการใช้งานแล้ว ให้เราทำการสร้าง User ของ ftp server
# useradd sk
# passwd sk
เสร็จจากการสร้าง User - Password เราก็มาลองทำการเข้าใช้งานดูว่าเข้าใช้งานได้หรือไม่
ftp 192.168.1.101 (ip นี้เป็นตัวอย่างให้ใส่เป็นของเราเอง)
ถ้ามันขึ้นว่า
ftp>
แปลว่าเราได้ทำการติดตั้งและะได้เริ่มใช้งาน FTP Server ได้เรียบร้อยแล้ว

วิธีติดตั้ง Speedtest Server ไว้ใช้งาน บนHostของเราเอง (ปัจจุบัน Speedtest.net ยกเลิกบริการนี้แล้ว)

จุดเริ่มต้น พบปัญหา User แจ้งว่าระบบช้า ใช้งาน Application ภายในแล้วช้ามาก ยิ่งมาจาก VPN จะยิ่งช้าจนไม่อยากทำงาน แนวทางการตรวจสอบ คือ ต้องทราบให้ได้ว่า การเชื่อมต่อของเครื่อง Client เข้ามาใช้งานที่ Server มีความเร็วเป็นอย่างไรบ้าง จนได้หา Solution ทดสอบ Speedtest จากเครื่อง User มายัง Server ที่ให้บริการภายในองค์กร หาข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ก็พบว่า Ookla ผู้ให้บริการ Speedtest เขามีตัว Mini เพื่อให้นำไปติดตั้งที่ Server ภายในองค์กร แล้วให้ Client เชื่อมต่อเข้ามาเพื่อทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อได้ (ระบบที่ผมใช้จะเป็น PHP รันบน Apache) งั้นก็เริ่มกันเลยครับ
  1. เข้าไป Download ไฟล์ ที่ต้องใช้งาน ได้ที่ http://www.speedtest.net/mini.php (ต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะ Download ได้นะครับ)
  2. เมื่อ Download เสร็จแล้ว จะได้ไฟล์ มา 1 ไฟล์ ชื่อว่า mini.zip ให้ทำการแตกไฟล์ดังกล่าว ก็จะพบไฟล์และโฟลเดอร์ดังนี้ 
  3. จากรายการไฟล์ในข้อที่ 2. จะเห็นได้ว่ามีไฟล์พร้อมใช้งานสำหรับหลายรูปแบบ ทั้ง .asp .aspx .jsp .php ซึ่งเราจะใช้งานกับ PHP จึงต้องทำการเปลี่ยนชื่อไฟล์ จาก index-php.html เป็น index.php ตามภาพ 
  4. แล้วทำการอัพโหลดไฟล์และโฟลเดอร์ทั้งหมดขึ้น Hosting ของเราครับ (ด้วยเครื่องมือที่เราใช้งานอยู่แล้ว)
  5. สุดท้ายก็ไปที่ Webbrowser ที่คุณใช้งาน แล้วเรียก URL ของ Path  ที่คุณอัพโหลดขึ้นไป ก็จะได้หน้าเริ่มต้นการทดสอบ แล้วกดปุ่ม BEGIN TEST แล้วก็รอผล (ระบบพัฒนาให้ทำงานด้วย Flash Player อาจต้องการยอมรับก่อนใช้งาน) 
เพียงเท่านี้ ท่านก็สามารถมี Speedtest Server ไว้ใช้งานได้ภายในองค์กรของคุณเองแล้วครับ ข้อสังเกตการใช้งาน
  • ระบบพัฒนาด้วย Flash จึงต้องการยอมรับก่อนถึงจะใช้งานได้
  • ระบบพัฒนาด้วย Flash นั้นไม่สามารถทำงานบน Browser ของ Mobile Device ได้
  • โปรแกรมเหมือนว่ามันจะมีหมดอายุ เมื่อแจ้งว่า หมดอายุให้ทำการโหลด Version ใหม่มา แล้วแก้ชื่อไฟล์และวางทับไปที่เดิมบน Hosting ของเรา ก็จะสามารถใช้งานต่อได้ปกติ
ท่านใดมีคำแนะนำเพิ่มเติมสามารถชี้แนะได้นะครับ