16/08/2566

Microsoft ถอดอัปเดต Microsoft Exchange ล่าสุดออก หลังพบข้อผิดพลาดในตัวติดตั้งที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ


    Microsoft ได้ถอดการอัปเดตด้านความปลอดภัยในเดือนสิงหาคมของ Microsoft Exchange Server ออกจาก Windows Update หลังจากพบว่าตัวอัปเดต Microsoft Exchange ในตัวติดตั้งที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ มีข้อผิดพลาด
  การอัปเดตความปลอดภัยเหล่านี้ ได้แก้ไขช่องโหว่ 6 รายการ ได้แก่ ช่องโหว่ในการเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกล (Remote Code Execution) 4 รายการ ช่องโหว่ด้านการยกระดับสิทธิ์ (Privilege Escalation) 1 รายการ และช่องโหว่การปลอมแปลง (Spoofing) 1 รายการที่สามารถใช้เพื่อโจมตีแบบ NTLM Relay Attack
  โดยผู้ใช้งานที่ทำการอัปเดตแพตซ์ Microsoft Exchange ในตัวติดตั้งที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ พบว่าหลังจากทำการอัปเดต Exchange Windows ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งพบ Error Code 1603 ในขณะที่ทำการอัปเดต
ต่อมา Microsoft ได้อัปเดตข่าวการอัปเดตความปลอดภัยของ Exchange Server ในเดือนสิงหาคม 2023 ว่าได้ทำการลบตัวอัปเดตออกจาก Windows และ Microsoft Update ชั่วคราวในขณะที่กำลังตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น โดย Microsoft พบว่าเมื่อทำการอัปเดตแพตซ์ความปลอดภัย Microsoft Exchange Server 2019 หรือ 2016 บนระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ตัวติดตั้งจะหยุด และย้อนกลับการเปลี่ยนแปลง และปล่อยให้บริการ Exchange Server Windows อยู่ในสถานะปิดใช้งาน
  รวมถึงได้แนะนำให้ผู้ใช้งาน Microsoft Exchange ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ งดเว้นการอัปเดตไปก่อน จนกว่าจะมีการแก้ไขที่ประกาศจาก Microsoft อีกครั้ง
  ทั้งนี้สำหรับผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบจากการติดตั้ง Microsoft Exchange ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่มีปัญหา ทาง Microsoft ได้แนะนำขั้นตอนเพื่อเปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ Windows และเริ่ม Exchange Server ดังนี้ :

    1. หากได้ติดตั้ง SU แล้ว ให้ reset service ก่อนเรียกใช้การติดตั้งอีกครั้ง ซึ่งสามารถทำได้โดยการเรียกใช้ PowerShell script ต่อไปนี้ในหน้าต่าง PowerShell window :
เปลี่ยนเป็น directory ต่อไปนี้: \Exchange Server\V15\Bin
กด Enter .\ServiceControl.ps1 AfterPatch, แล้วกด Enter
Restart คอมพิวเตอร์

    2. ใน Active Directory (AD) ให้สร้างบัญชีที่มีชื่อเฉพาะที่ให้ไว้ในขั้นตอนนี้ โดยคำสั่งต่อไปนี้:
New-ADUser -Name "Network Service" -SurName "Network" -GivenName "Service" -DisplayName "Network Service" -Description "Dummy user to work around the Exchange August SU issue" -UserPrincipalName "Network Service@$((Get-ADForest).RootDomain)"

    3. รอการ AD replication (ประมาณ 15 นาที) และจากนั้น เริ่มการติดตั้ง Exchange Server SU ใหม่ ทั้งนี้การติดตั้งครั้งนี้ ควรที่จะทำงานได้

    4. หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น ให้ใช้คำสั่งต่อไปนี้:
$acl = Get-Acl -Path "HKLM:\SOFTWARE\Microsoft\MSIPC\Server"
$rule = New-Object System.Security.AccessControl.RegistryAccessRule((New-Object System. Security.Principal.SecurityIdentifier("S-1-5-20")), 983103, 3, 0, 0)
$acl.SetAccessRule($rule)
Set-Acl -Path "HKLM:\SOFTWARE\Microsoft\MSIPC\Server " -AclObject $acl

    5. ทำการ Restart Exchange server เพื่อให้การติดตั้งเสร็จสิ้น

    6. หลังจากอัปเดต Exchange server ทั้งหมดแล้ว คุณสามารถลบบัญชี AD ที่สร้างขึ้นในขั้นตอนที่ 2 ได้
เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้ และทำการ Restart Exchange server แล้ว Windows ควรที่จะสามารถทำงานได้อีกครั้ง และ Exchange จะถูก back up และ running
  สำหรับผู้ใช้งานที่ใช้ Windows ที่เป็นภาษาอังกฤษ Microsoft ได้แนะนำให้ดาวน์โหลด และติดตั้งการอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีจากช่องโหว่ที่เกิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น